4. เทคนิคการตีพิมพ์เผยแพร่บทความวิจัยในวารสารระดับนานาชาติ

1. การประเมินคุณภาพ ผลงานวิจัยว่าผลงานวิจัยมีคุณภาพหรือไม่ โดยพิจารณาจาก

1.1 วิธีวิจัย (Methodology) มีความถูกต้อง แม่นยำตามระเบียบวิธีวิจัย

1.2 กลุ่มตัวอย่าง สามารถเป็นตัวแทนของประชากรได้ตามระเบียบวิธีวิจัยและสามารถมีผลกระทบในวงกว้าง

1.3 ถ้าเป็นการทดลองในมนุษย์ ผลงานวิจัยต้องผ่านการรับรองจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ มีหนังสือรับรองจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์

2. เมื่อประเมินแล้วว่าผลงานวิจัยมีคุณภาพในระดับที่สามารถตีพิมพ์ลงวารสารต่างประเทศได้แล้วเขียนบทความวิจัยฉบับร่างเป็นภาษาไทย “การเขียนจะต้องเขียนให้คมทั้งวิธีวิจัยและผลการวิจัย”

2.1 การเขียนวิธีวิจัยให้คม เป็นการแสดงให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือในการวิจัย วิธีการวิจัยต้องถูกต้องแม่นยำตามระเบียบวิธีวิจัย

2.2 การเขียนผลงานวิจัยให้คม เป็นการหยิบประเด็นให้แหลมคม ให้เห็นผลการวิจัยในครั้งนี้มีความรู้ใหม่ หรือเกิดสิ่งใหม่ๆ แตกต่างจากผลงานวิจัยอื่นๆ

ดังนั้นนักวิจัยต้องอ่านผลงานวิจัยทั้งในและต่างประเทศให้มากพอจึงจะเห็นความแตกต่างและสามารถหยิบประเด็นแหลมคมของผลงานวิจัยของตนเองได้

3. การจัดเตรียมต้นฉบับเพื่อน าเสนอข้อมูลวารสารต่างประเทศ ต้องให้กระชับ ไม่นำเสนอยาวเกินไปส่วนใหญ่ ไม่เกิน 12 หน้า

นักวิจัยควรศึกษาวิธีการนำเสนอข้อมูลจากวารสารต่างประเทศหลายๆ ฉบับ แล้วเลือกรูปแบบที่นำเสนอข้อมูลที่เหมาะกับงานวิจัยที่กำลังศึกษา เมื่อได้ผลงานวิจัยที่คมชัดแล้วให้พิจารณาชื่อเรื่องของการวิจัยอีกครั้งหนึ่งแล้วกำหนด “ชื่อเรื่องวิจัยให้คมชัด”

4. เมื่อได้ฉบับภาษาไทยแล้ว นักวิจัยแปลเป็นฉบับภาษาอังกฤษด้วยสำนวน ที่ราบรื่น และที่สำคัญควรให้เจ้าของภาษาตรวจความถูกต้องของการใช้ภาษาอังกฤษในเชิงวิชาการอีกครั้ง

5. เทคนิคการยอมรับ (Submitted) ให้ตีพิมพ์ของวารสารระดับนานาชาติ

5.1 ศึกษาวารสารที่จะตีพิมพ์ว่ารับตีพิมพ์ผลงานวิจัยประเด็นใด ซึ่งวารสารจะแจ้งวัตถุประสงค์ไว้ชัดเจน โดยเลือกวารสารที่มีความสอดคล้องบทความวิจัย จำนวน 4-5 วารสาร ที่ระดับความถี่ที่บทความ ในวารสารนั้นจะได้รับการอ้างถึง หรือถูกน าไปใช้ (Impact Factor) แตกต่างกัน แล้วให้เลือกลงวารสารที่มี Impact Factor สูงกว่าไว้

การถูกปฏิเสธ (Rejected) ของวารสารนานาชาติเป็นเรื่องปกติ การยื่นเสนอตีพิมพ์ลงวารสารครั้งแรก ควรยื่นเสนอในวารสารที่มีระดับ Impact Factor สูงเกินกว่าที่ผู้วิจัยประเมินบทความของตนเองเผื่อไว้ซึ่งหากได้รับการปฏิเสธจากวารสารแรกจึงค่อยส่งลงวารสารที่เลือกไว้ต่อไป แต่ไม่ควรส่งไปพร้อมกันหลายวารสารเพราะผิดจรรยาบรรณนักวิจัย ดังนั้นต้องมั่นใจก่อนว่าวารสารที่แรกปฏิเสธก่อนจึงจะส่งไปวารสารอื่นต่อไป และการเลือกวารสารควรเลือกที่อยู่ในฐาน Scopus และ SCI

5.2 การ Submitted นักวิจัยต้องฝึกการส่งในระบบออนไลน์ (Submitted Online) และการเตรียมใบปะหน้าที่เรียกว่า จดหมายแนะน าตัวหรือ Cover Letter และประวัติของผู้ร่วมวิจัยให้พร้อม ต้องศึกษาวิธีการเขียนและเตรียมไว้รอ รวมทั้งเสนอชื่อผู้ประเมินบทความ (Reviewer) เตรียมไว้ด้วยเนื่องจากบางวารสารต้องการในขั้นตอนการ Submitted Online นักวิจัยจะได้รับการตอบรับอัตโนมัติว่าได้น าผลงานวิจัยเข้าระบบ (ซึ่งยังไม่ใช่การตอบรับลงตีพิมพ์) จากนั้นบทความวิจัยจะผ่านผู้ประเมินคุณภาพบทความเบื้องต้น (Editor) ซึ่งถ้า Editorพิจารณาประมาณ 3-4 วัน ถ้าส่งจดหมายมา (Mail) ส่วนใหญ่จะปฏิเสธ แต่หากหรือเกิน 2 สัปดาห์ส่วนใหญ่บทความจะถูกส่งต่อไปยังผู้เชี่ยวชาญพิจารณาบทความ (Peer Review) ต่อไป และเข้าสู่กระบวนการ พิจารณาคุณภาพบทความ

5.3 การเป็นผู้วิจัยหลัก และผู้วิจัย ในการ Submitted บทความตีพิมพ์จะให้กรอกผู้วิจัยหลักและผู้วิจัย ซึ่งโดยหลักการแล้วผู้วิจัยหลักจะเป็นผู้ที่วารสารติดต่อกลับและเป็นผู้ท าหน้าที่ติดต่อกับวารสารทั้งการปรับแก้ตามข้อเสนอแนะหรือเรื่องอื่นๆ จนกระทั่งบทความได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ ส่วนผู้วิจัยทุกคนที่ปรากฏรายชื่อในบทความวิจัยต้องรับรู้และให้การยินยอมในการตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสาร